ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำในวันพรุ่งนี้มีแนวโน้มได้รับแรงขับเคลื่อนจากหลายปัจจัยพื้นฐาน ดังนี้
ปัจจัยส่งผลบวก
- เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่มั่นคง
ความไม่แน่นอนทางการเมืองและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความตึงเครียดระหว่างประเทศ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) - นโยบายการเงินของธนาคารกลาง
การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หรือรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบัน ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และเพิ่มความน่าสนใจของทองคำ - ความต้องการทองคำในตลาดโลก
ธนาคารกลางในหลายประเทศ โดยเฉพาะยุโรปตะวันออก เพิ่มการสะสมทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาดอลลาร์
ปัจจัยส่งผลลบ
- แนวโน้มการทำกำไรระยะสั้น
แม้ว่าทองคำจะอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว แต่ยังคงมีโอกาสเจอแรงขายทำกำไรในกรอบสั้นเมื่อราคาขึ้นใกล้แนวต้านสำคัญ - ตัวเลขเศรษฐกิจจากจีนและสหรัฐฯ
การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น ดัชนีภาคการผลิต (PMI) หรือการจ้างงาน อาจทำให้ตลาดทองคำเคลื่อนไหวรุนแรงหากออกมาเหนือหรือใต้ความคาดหวังของตลาด
คาดการณ์เบื้องต้น
ราคาทองคำมีแนวโน้มทรงตัวหรือปรับขึ้นเล็กน้อย หากสถานการณ์ทางการเมืองโลกยังคงตึงเครียด และการซื้อทองคำเพื่อการลงทุนยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญและการแถลงการณ์จากธนาคารกลางอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
- แนวรับและแนวต้านที่สำคัญ
- แนวต้านที่เห็นได้ชัดเจนอยู่บริเวณ 2,645–2,648 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ราคามีความพยายามขึ้นแต่ยังไม่สามารถผ่านได้ในช่วงที่ผ่านมา
- แนวรับสำคัญอยู่ที่ 2,628–2,630 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่เคยรองรับการร่วงของราคาก่อนกลับตัว
- MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- MACD Line และ Signal Line กำลังเคลื่อนที่ใกล้กันในลักษณะ Sideway โดยไม่มีการตัดกันที่เด่นชัด ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มยังคงไม่ชัดเจน (Neutral Signal)
- Histogram มีค่าที่เริ่มลดลง แต่ยังอยู่ในโซนบวก แสดงถึงแรงซื้อที่ยังคงอยู่แต่เริ่มอ่อนตัว
- Volume
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในช่วงล่าสุดดูเหมือนจะลดลง ซึ่งแสดงถึงความไม่แน่ใจของตลาดในการเลือกทิศทาง
แนวโน้มราคาวันพรุ่งนี้ 4 ธันวาคม 2024
- ความเป็นไปได้ที่ราคาจะ Sideway ราคามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนตัวในกรอบแคบ (Range-Bound) ระหว่าง 2,630–2,648 ดอลลาร์ เว้นแต่จะมีปัจจัยพื้นฐานใหม่เข้ามาส่งผลกระทบ
- Breakout/Broken ระดับสำคัญ
- หากราคาสามารถทะลุ 2,648 ดอลลาร์ ได้ คาดว่าราคาจะไปต่อที่บริเวณ 2,655–2,660 ดอลลาร์
- หากราคาหลุด 2,628 ดอลลาร์ มีแนวโน้มที่จะลดลงไปที่ 2,620 ดอลลาร์ หรือระดับต่ำกว่า
นักลงทุนควรรอติดตามการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงแนวรับ-แนวต้านข้างต้น พร้อมเฝ้าดูปัจจัยพื้นฐาน เช่น ดัชนีเงินดอลลาร์, รายงานเศรษฐกิจสำคัญ, หรือการแถลงของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เพื่อช่วยยืนยันทิศทาง