ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 มีแนวโน้มได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์หลายประการ ดังนี้
1. การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นักลงทุนกำลังจับตาผลการประชุมของเฟดในวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
2. ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะการปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในซีเรีย ยังคงเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสนใจ เนื่องจากความไม่แน่นอนในภูมิภาคนี้มักกระตุ้นความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
3. ค่าเงินบาทและราคาทองคำในประเทศ สำหรับประเทศไทย ราคาทองคำในประเทศยังคงได้รับอิทธิพลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวลดลง แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
ราคาทองคำในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงมีอยู่ อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนในประเทศไทย ควรพิจารณาค่าเงินบาทที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศด้วย
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
1. แนวโน้มราคาในปัจจุบัน
- ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย และกำลังเคลื่อนตัวในกรอบแคบ (Sideways) ระหว่างแนวรับ 2,640 และแนวต้าน 2,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแรงซื้อและแรงขายที่ยังคงสมดุลกันในช่วงนี้
2. สัญญาณ MACD (12,26,9)
- เส้น MACD (สีฟ้า) อยู่เหนือเส้น Signal (สีส้ม) ซึ่งเป็นสัญญาณบวก บ่งชี้ว่ามีแรงซื้อเข้ามาในระยะสั้น
- แท่ง Histogram ของ MACD เริ่มแสดงค่าสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ยังอยู่ใกล้ระดับศูนย์ ซึ่งบ่งบอกว่าการปรับตัวขึ้นยังค่อนข้างจำกัด
3. ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
- ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงการฟื้นตัวล่าสุด แสดงให้เห็นว่ามีแรงซื้อเข้ามาหนุนราคาทองคำ
- อย่างไรก็ตาม ในช่วงราคาที่ย่อตัวลงก่อนหน้า ปริมาณการซื้อขายก็สูงขึ้น ซึ่งอาจแสดงถึงการทำกำไรระยะสั้นของนักลงทุน
4. แนวรับและแนวต้านสำคัญ
- แนวต้าน 2,650 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำสามารถทะลุขึ้นไปได้ อาจมีแรงซื้อหนุนให้ราคาไปทดสอบระดับ 2,657 – 2,660 ดอลลาร์
- แนวรับ 2,640 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาหลุดระดับนี้ลงมา มีโอกาสปรับฐานลงไปที่แนวรับถัดไปบริเวณ 2,635 ดอลลาร์
5. สรุปแนวโน้มระยะสั้น
- ราคาทองคำมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบแคบ (Sideways) โดยมีโอกาสปรับขึ้นหากทะลุแนวต้าน 2,650 ดอลลาร์
- สัญญาณ MACD สนับสนุนการฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรหากราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้าน
- นักลงทุนควรจับตาแนวรับที่ 2,640 ดอลลาร์ หากราคาหลุดระดับนี้ แนวโน้มขาลงอาจกลับมาเด่นชัดขึ้น
คำแนะนำ
- หากราคาไม่หลุด 2,640 ดอลลาร์ อาจมองหาจังหวะซื้อเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น
- ระวังการขายทำกำไรหากราคาขึ้นไปที่ 2,650 ดอลลาร์หรือสูงกว่านั้น
