แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567

ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

ราคาทองคำในวันพรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญหลายด้าน ซึ่งสามารถช่วยให้คุณวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของราคาได้ ได้แก่

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567
  1. อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED)
    การปรับขึ้นหรือลงของอัตราดอกเบี้ยจาก FED มีผลต่อความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯและความเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ เมื่อดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น เงินดอลลาร์จะแข็งค่า ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำลดลง และในทางกลับกัน หากดอกเบี้ยลดลง ราคาทองคำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
  2. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (Dollar Index)
    ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลงส่งผลให้ทองคำมีราคาสูงขึ้น เพราะนักลงทุนจากประเทศอื่นสามารถซื้อทองคำได้ในราคาถูกลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ
  3. ปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก
    เหตุการณ์ความไม่แน่นอน เช่น ความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจโลก (เช่น การเติบโตของจีนที่ชะลอตัว) มักกระตุ้นให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
  4. ความต้องการของตลาดทองคำ
    ความต้องการจากประเทศที่มีการบริโภคทองคำสูง เช่น อินเดียและจีน มีผลต่อราคาทองคำโดยตรง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญหรือการเปลี่ยนแปลงของนโยบายทางการค้าในภูมิภาคเหล่านี้
แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567

หากคุณต้องการวิเคราะห์ราคาทองคำเพิ่มเติม ควรติดตามข้อมูลรายวันจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ รวมถึงกราฟราคาและการวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญที่อัปเดตข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เช่นจาก TFEX หรือแพลตฟอร์มวิเคราะห์ทองคำ

แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2567
  1. MACD (Moving Average Convergence Divergence)
    • เส้น MACD Line (-0.700) และ เส้น Signal Line (-1.282) แสดงค่าสัญญาณที่อยู่ในพื้นที่ ต่ำกว่าเส้น 0 บ่งบอกว่าตลาดยังคงอยู่ในภาวะขาลง (Bearish) โดยแรงขายยังคงมากกว่าแรงซื้อ
    • อย่างไรก็ตาม ค่า Histogram เริ่มแสดงสัญญาณลดลงของแรงขาย ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าการขายเริ่มชะลอตัว และมีโอกาสเกิดการฟื้นตัวเล็กน้อย (Rebound)
  2. Volume (ปริมาณการซื้อขาย)
    • ปริมาณการซื้อขายดูเหมือนจะลดลงในช่วงปลายกราฟ แสดงถึงความไม่แน่นอนของนักลงทุน หากไม่มีแรงซื้อหรือขายที่มากในวันพรุ่งนี้ ราคามีโอกาสแกว่งตัวในกรอบแคบ (Sideways)
  3. รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)
    • ช่วงท้ายกราฟ แท่งเทียนแสดงรูปแบบที่ไม่ชัดเจน (Indecision Candle) ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน อาจรอดูปัจจัยใหม่ เช่น ข่าวเศรษฐกิจหรือดัชนีสำคัญ
  4. แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance)
    • แนวรับสำคัญ: $2,560 หากราคายังยืนอยู่เหนือระดับนี้ มีโอกาสพักฐานก่อนการฟื้นตัว
    • แนวต้านสำคัญ: $2,580 หากราคาเบรกผ่านแนวต้านนี้ไปได้ จะเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น

แนวโน้มวันพรุ่งนี้

  • มีโอกาสที่ราคาทองจะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ($2,560–$2,580) หากไม่มีปัจจัยใหม่มากระทบ
  • หาก MACD แสดงสัญญาณ Divergence เชิงบวกชัดเจนขึ้น อาจมีการฟื้นตัวสั้นๆ
  • นักลงทุนควรจับตาข่าวสารสำคัญ เช่น การประกาศตัวเลขเศรษฐกิจจากสหรัฐหรือปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งอาจผลักดันให้ราคาทองเคลื่อนตัวออกจากกรอบปัจจุบัน

คำแนะนำสำหรับนักลงทุน เน้นการตั้งจุดซื้อ-ขายที่แนวรับและแนวต้าน และติดตามข่าวสารตลาดแบบเรียลไทม์เพื่อประกอบการตัดสินใจ