ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำในวันที่ 15 มกราคม 2568 มีแนวโน้มได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์หลายประการ ดังนี้
ปัจจัยทางเศรษฐกิจ
- นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ส่งผลให้ต้นทุนการถือครองทองคำลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำ
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ: เมื่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง นักลงทุนมักหันมาถือครองทองคำมากขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
- อัตราเงินเฟ้อ: ความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เช่น ทองคำ
ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
- ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์: ความตึงเครียดในตะวันออกกลางและสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
จากปัจจัยข้างต้น ราคาทองคำในวันที่ 15 มกราคม 2568 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของ Fed และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กระตุ้นความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
จากกราฟ (Timeframe: 30 นาที) นี่คือการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) สำหรับแนวโน้มราคาทองคำ
1. การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis)
- กราฟแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่เริ่มมีแนวโน้มขาลง (Downtrend) เนื่องจากราคาสร้าง Lower High และ Lower Low ติดต่อกัน
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ลดลงในช่วงขาขึ้นล่าสุด แสดงถึงความไม่มั่นใจของผู้ซื้อ (Bullish Weakness)
2. ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators)
MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- MACD เส้นสัญญาณ (Signal Line) อยู่ต่ำกว่าเส้น MACD (MACD Line) และใกล้โซนลบ ซึ่งบ่งบอกถึงโมเมนตัมขาลงยังคงแข็งแกร่ง
- ฮิสโตแกรม (Histogram) มีแท่งสีแดงเพิ่มขึ้น แสดงถึงแรงขาย (Bearish Momentum)
Volume
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพิ่มขึ้นในช่วงขาลง แสดงถึงแรงขายที่มีความมั่นคง
3. แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance)
- แนวต้าน (Resistance) อยู่ที่ประมาณ 2,672 – 2,676 USD/ออนซ์
- แนวรับ (Support) อยู่ที่ประมาณ 2,660 – 2,665 USD/ออนซ์ หากหลุดแนวรับนี้ อาจไปทดสอบที่ 2,650 USD/ออนซ์
4. การเคลื่อนไหวของราคา (Price Action)
- แท่งเทียนล่าสุดเป็นแท่งสีแดง มีหางล่างเล็กน้อย (Bearish Candle) ซึ่งแสดงถึงแรงขายยังคงครอบงำตลาด
- การปฏิเสธราคาที่ระดับแนวต้านด้านบนชี้ให้เห็นว่าตลาดยังคงรับแรงกดดันจากฝั่งผู้ขาย
กลยุทธ์สำหรับการซื้อขาย
- ฝั่งขาย (Short) หากราคาหลุดแนวรับที่ 2,660 USD/ออนซ์ อาจพิจารณาเปิดคำสั่งขาย (Short) เป้าหมายที่ 2,650 USD/ออนซ์
- ฝั่งซื้อ (Long) หากราคากลับมายืนเหนือ 2,672 USD/ออนซ์ อาจพิจารณาเปิดคำสั่งซื้อ (Long) เป้าหมายที่ 2,680 USD/ออนซ์