ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2024 มีแนวโน้มที่อาจปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลายประการในตลาดโลก
- การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในสหรัฐ โดยเฉพาะการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจไม่ลดดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดปรับตัวลดลงบ้างจากอิทธิพลของดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
- แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตร คาดการณ์ว่าผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวในสหรัฐจะลดลงเล็กน้อยในระยะกลาง ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบนี้อาจต้องรอการปรับตัวในระยะยาวมากกว่า[9].
- ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความตึงเครียดในตะวันออกกลางยังเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจดึงราคาทองคำให้สูงขึ้นได้ หากมีสถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม หากไม่มีเหตุการณ์สำคัญในภูมิภาค ราคาทองคำอาจทรงตัวหรือปรับลดลงเล็กน้อย
จากปัจจัยทั้งหมดนี้ คาดว่าราคาทองคำในวันพรุ่งนี้อาจทรงตัวหรือปรับตัวลดลงในระดับเล็กน้อย แต่ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เพิ่มเติม ทั้งในด้านการเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์และอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลก
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
- แนวโน้มราคา เห็นได้ชัดว่าราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหลังจากมีแรงขายขนาดใหญ่ในช่วงวันที่ 7 พฤศจิกายน และยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับไปแตะระดับสูงก่อนหน้านี้ได้ บ่งบอกถึงแรงกดดันจากฝั่งขายที่ยังคงมีอยู่
- สัญญาณจาก MACD ค่า MACD ล่าสุดอยู่ในแดนลบ (-4.44) และเส้นสัญญาณ (Signal Line) อยู่ต่ำกว่าเส้น MACD ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม การลดลงของ histogram แสดงว่าแรงขายเริ่มชะลอตัว ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ในการฟื้นตัวระยะสั้น
- ระดับแนวรับและแนวต้าน ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 2,661 USD ซึ่งเป็นระดับแนวรับที่สำคัญ หากราคาลดลงต่อเนื่อง อาจไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ประมาณ 2,650 USD ขณะที่แนวต้านใกล้เคียงอยู่ที่ 2,680 USD ซึ่งหากสามารถทะลุขึ้นไปได้ อาจมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้
หากแนวโน้ม MACD ยังอยู่ในแดนลบ อาจจะต้องเฝ้าระวังการปรับตัวลงต่อไป อย่างไรก็ตาม หากมีสัญญาณบวกที่แสดงการกลับตัว เช่น เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้นสัญญาณ หรือการทะลุแนวต้าน 2,680 USD ก็อาจเห็นการฟื้นตัวของราคาทองคำในระยะสั้น