ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำในวันที่ 9 มกราคม 2568 มีแนวโน้มได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์หลายประการ ดังนี้
ปัจจัยทางเศรษฐกิจ
- นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คาดว่า Fed จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในไตรมาส 4 ปี 2024 ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2025 ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำจะลดลง
- ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนมีผลต่อราคาทองคำในประเทศ หากเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาทองคำในประเทศจะปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะคงที่ก็ตาม
ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
- ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สถานการณ์ความไม่แน่นอน เช่น ความตึงเครียดในตะวันออกกลางและสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยังคงส่งผลให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ซึ่งอาจสนับสนุนราคาทองคำในระยะสั้น
- การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผลการเลือกตั้งที่ทำให้เกิดการแบ่งขั้วกันอย่างรุนแรงมากขึ้น อาจส่งผลต่อความสนใจในการลงทุนทองคำและอาจทำให้ปริมาณการรีไซเคิลทองคำมีน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
จากปัจจัยข้างต้น ราคาทองคำในวันที่ 9 มกราคม 2568 มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อาจส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศ
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
1. แนวโน้มของราคา
- ราคาอยู่ในกรอบการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างแคบในช่วงเวลาล่าสุด หลังจากมีการฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดก่อนหน้า
- มีสัญญาณว่าราคากำลังพยายามสร้างฐาน (consolidation) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวครั้งถัดไป
2. ตัวชี้วัดทางเทคนิค
MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- เส้น MACD (สีฟ้า) อยู่เหนือเส้น Signal Line (สีส้ม) ซึ่งแสดงถึงโมเมนตัมที่กำลังเพิ่มขึ้น
- Histogram ของ MACD มีค่าเป็นบวกและเริ่มสูงขึ้น แสดงถึงสัญญาณซื้อ (Bullish)
ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
- ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้น ซึ่งสนับสนุนการเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น
- ในขณะเดียวกัน ปริมาณในช่วงการเคลื่อนไหวด้านข้างเริ่มลดลง ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการรอคอยการตัดสินใจของตลาด
3. แนวรับและแนวต้าน
- แนวรับสำคัญ 2,645 USD/Oz (เป็นระดับที่ราคาสามารถยืนได้ในช่วงพักตัว)
- แนวต้านสำคัญ 2,655 USD/Oz (เป็นจุดสูงสุดของการเคลื่อนไหวในช่วงล่าสุด)
4. ความน่าจะเป็นในอนาคต
- หากราคาทะลุแนวต้านที่ 2,655 USD/Oz ได้อย่างแข็งแกร่ง ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ระดับ 2,665 USD/Oz หรือสูงกว่า
- หากราคาหลุดแนวรับที่ 2,645 USD/Oz อาจมีการปรับตัวลงไปทดสอบระดับ 2,630 USD/Oz
5. กลยุทธ์แนะนำ
- สำหรับนักลงทุนสายซื้อ (Long Position) พิจารณาเข้าซื้อหากราคาทะลุแนวต้าน 2,655 USD/Oz พร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น
- สำหรับนักลงทุนสายขาย (Short Position) พิจารณาเปิดสถานะขายหากราคาหลุดแนวรับ 2,645 USD/Oz พร้อมสัญญาณ MACD กลับตัวเป็นขาลง