ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำในวันที่ 21 ธันวาคม 2567 มีแนวโน้มได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ดังนี้

1. การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
นักลงทุนกำลังรอคอยผลการประชุมของเฟด ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.25-4.50% หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
2. ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะการปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในซีเรีย ยังคงเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสนใจ เนื่องจากความไม่แน่นอนในภูมิภาคนี้มักกระตุ้นความต้องการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
3. การเคลื่อนไหวของกองทุน SPDR Gold Trust
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ขายทองคำออกมา 3.16 ตันในวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ทำให้ปริมาณการถือครองทองคำลดลงเหลือ 860.74 ตัน การขายทองคำของกองทุนนี้อาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงในระยะสั้น
4. ค่าเงินบาทและราคาทองคำในประเทศ
สำหรับประเทศไทย ราคาทองคำในประเทศยังคงได้รับอิทธิพลจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งอาจช่วยพยุงราคาทองคำในประเทศไม่ให้ปรับตัวลดลงมากนัก แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะปรับตัวลดลงก็ตาม

ราคาทองคำในวันที่ 21 ธันวาคม 2567 มีแนวโน้มผันผวน โดยปัจจัยจากการประชุมเฟดและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์อาจสนับสนุนให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การขายทองคำของกองทุน SPDR และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอาจส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศไม่ปรับตัวลดลงมากนัก นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและปัจจัยต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม

1. การเคลื่อนไหวของราคา
- ราคามีแนวโน้มขยับตัวในกรอบแคบ (Sideway) ในช่วงล่าสุด หลังจากฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในวันที่ 19 ธันวาคม
- แนวต้านที่เห็นได้ชัดคือบริเวณ 2,610 USD และแนวรับสำคัญคือบริเวณ 2,590 USD
2. MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- สัญญาณ MACD กำลังตัดเส้น Signal Line ขึ้นในบริเวณ ค่าบวก (Positive Zone) ซึ่งบ่งชี้ว่าแรงซื้อเริ่มกลับมาเด่นชัด
- Histogram ของ MACD มีลักษณะขยายตัวในฝั่งบวก ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวก (Bullish Momentum)
3. Volume
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในช่วงการดีดตัวขึ้นมีความหนาแน่นกว่าช่วงขาลง ซึ่งเป็นการยืนยันว่ามีแรงซื้อที่แข็งแกร่งในระดับปัจจุบัน
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้ (21 ธันวาคม 2024)
- หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับที่ 2,590 USD ได้อย่างมั่นคง และ MACD ยังคงอยู่ในเชิงบวก มีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2,610-2,620 USD
- หากราคาหลุดแนวรับที่ 2,590 USD อาจลงมาทดสอบบริเวณ 2,580 USD
กลยุทธ์แนะนำ
- สำหรับนักลงทุนระยะสั้น: พิจารณาเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวใกล้แนวรับที่ 2,590 USD โดยตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) หากหลุดระดับนี้
- สำหรับนักลงทุนที่ถือครองระยะยาว: สามารถรอจังหวะราคาทะลุแนวต้านที่ 2,610 USD ก่อนเข้าสะสมเพิ่ม
