แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2567

ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

ราคาทองคำในวันพรุ่งนี้มีแนวโน้มถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยพื้นฐานสำคัญหลายประการ

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2567

1. สถานะค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองคำมักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ หากค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าจากแรงกดดันด้านนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอาจมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น

2. อัตราดอกเบี้ย

Fed มีท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งช่วยเสริมความน่าสนใจของทองคำ เนื่องจากการลงทุนในทองคำไม่มีผลตอบแทนดอกเบี้ย นักลงทุนจึงมองว่าทองคำเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยในช่วงดอกเบี้ยต่ำ

3. เงินเฟ้อและเศรษฐกิจโลก

ระดับเงินเฟ้อที่ยังสูงในหลายประเทศยังผลักดันให้ทองคำเป็นตัวเลือกสำหรับป้องกันมูลค่าทรัพย์สิน ขณะเดียวกัน ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในจีนและยุโรปก็สร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินหลัก ซึ่งอาจส่งผลบวกต่อราคาทองคำในตลาดโลก

4. สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์

ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความไม่สงบในตะวันออกกลาง ยังคงสร้างความกังวลต่อตลาดโลก ทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2567

ราคาทองคำในวันพรุ่งนี้มีโอกาสคงตัวหรือปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามการประกาศสำคัญ เช่น ท่าทีของ Fed และสถานการณ์ระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มราคาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2567
  1. แนวโน้ม (Trend)
    • ราคาทองคำในช่วงวันที่ 13-14 ธันวาคม 2024 แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน
    • เส้น MACD (Moving Average Convergence Divergence) มีสัญญาณเชิงลบ โดยเส้น MACD และ Signal Line อยู่ต่ำกว่าศูนย์ ซึ่งยืนยันถึงโมเมนตัมเชิงลบของตลาด
  2. ระดับแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance)
    • ระดับแนวรับที่สำคัญ: บริเวณ 2,640 USD
    • แนวต้านที่อาจเป็นเป้าหมายของการดีดตัวกลับ: 2,660 – 2,680 USD
  3. ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
    • ปริมาณการซื้อขายมีแนวโน้มลดลงในช่วงที่ราคาลดลง ซึ่งอาจแปลได้ว่าความแข็งแกร่งของขาลงเริ่มลดลง

แนวโน้มสำหรับวันพรุ่งนี้

  • มีโอกาสเกิดการรีบาวด์ในระยะสั้น หากราคาสามารถทรงตัวเหนือแนวรับที่ 2,640 USD ได้ แต่แนวโน้มระยะกลางยังคงเป็นขาลง
  • นักลงทุนควรติดตามการประชุมธนาคารกลาง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ดัชนี CPI หรือดัชนีผู้บริโภคของสหรัฐ