ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
การวิเคราะห์ราคาทองคำสำหรับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 โดยพิจารณาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีดังนี้

1. ปัจจัยทางเศรษฐกิจ
- นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีการคาดการณ์ว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางถึงปลายปี 2568 เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การลดอัตราดอกเบี้ยนี้อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
- ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลก ธนาคารกลางหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนและรัสเซีย ยังคงเพิ่มการสะสมทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาเงินดอลลาร์ ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นนี้ส่งผลให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
2. ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
- ความตึงเครียดทางการค้าและการเมืองระหว่างประเทศ ความขัดแย้งทางการค้าและการเมืองระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในยูเครน-รัสเซีย และตะวันออกกลาง ยังคงสร้างความไม่แน่นอนในตลาดโลก นักลงทุนจึงหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น

ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม

1. แนวโน้มราคา (Trend Analysis)
- กราฟที่ให้มาเป็นกราฟแท่งเทียน (Candlestick) ของทองคำในกรอบเวลา 30 นาที
- มีลักษณะเป็น Sideway หรือแกว่งตัวออกข้าง โดยที่ราคายังไม่สามารถสร้างแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงที่ชัดเจน
- มีจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low) ที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน บ่งชี้ถึงภาวะที่ตลาดยังไม่สามารถเลือกทิศทางที่ชัดเจนได้
2. อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
- MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- ค่าล่าสุดของ MACD อยู่ใกล้เส้นศูนย์ (0) และเพิ่งมีการตัดขึ้นจากเส้น Signal เล็กน้อย
- Histogram ของ MACD กำลังเปลี่ยนจากแดนลบไปเป็นแดนบวก บ่งชี้ว่าโมเมนตัมขาลงเริ่มอ่อนกำลังลง และอาจมีแรงซื้อเข้ามาหนุน
- อย่างไรก็ตาม ค่า MACD ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจหมายถึงแนวโน้มยังไม่มีความชัดเจน
3. ปริมาณการซื้อขาย (Volume Analysis)
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) มีการเพิ่มขึ้นและลดลงตามจังหวะของราคา แต่ไม่มีจุดที่แสดงถึงแรงซื้อหรือแรงขายที่รุนแรง
- ช่วงที่ราคาพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้าน พบว่าปริมาณการซื้อขายไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นว่าการขึ้นอาจยังไม่แข็งแรงมากพอ
4. แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance)
- แนวต้านสำคัญ บริเวณ 2,945 – 2,950 USD ซึ่งเป็นจุดที่ราคาพยายามขึ้นไปหลายครั้งแต่ไม่สามารถผ่านไปได้
- แนวรับสำคัญ บริเวณ 2,930 – 2,935 USD ซึ่งเป็นแนวที่ราคาปรับตัวลงมาแล้วมีแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงไว้
5. สัญญาณทางเทคนิค (Technical Signal)
- การที่ MACD เริ่มมีการตัดขึ้น อาจบ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะมีการปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น
- อย่างไรก็ตาม ตลาดยังอยู่ในช่วง Sideway ดังนั้น หากราคายังไม่สามารถทะลุแนวต้าน 2,945 – 2,950 USD ไปได้ ก็อาจมีโอกาสปรับตัวลงมาอีกรอบ
สรุปแนวโน้มประจำวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568
ระยะสั้น (Intraday – 1 วัน) มีโอกาสที่ราคาจะเคลื่อนตัวในกรอบ 2,930 – 2,945 USD หากทะลุแนวต้านได้ อาจไปทดสอบ 2,950 USD ได้ แต่หากไม่ผ่านอาจเห็นการปรับตัวลง
กลยุทธ์การเทรด
- กลยุทธ์ซื้อตามแนวโน้ม (Breakout Buy) หากราคาทะลุแนวต้าน 2,945 – 2,950 USD ขึ้นไป อาจเข้าซื้อโดยตั้งเป้าหมายที่ 2,960 – 2,965 USD
- กลยุทธ์เทรดในกรอบ (Range Trading) ซื้อเมื่อราคาใกล้แนวรับ 2,930 USD และขายทำกำไรที่แนวต้าน 2,945 – 2,950 USD