ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (14-20 มีนาคม 2568) ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลต่อราคาทองคำมีดังนี้

1. ปัจจัยทางเศรษฐกิจ
- นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีการคาดการณ์ว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงกลางถึงปลายปี 2568 เพื่อลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว การลดดอกเบี้ยนี้จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ หากเงินเฟ้อยังคงสูง อาจกระตุ้นความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ
2. ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
- ความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังไม่คืบหน้า เนื่องจากติดขัดในระดับเจ้าหน้าที่ ซึ่งยังไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ ความไม่แน่นอนนี้ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในตะวันออกกลาง หรือความตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคต่าง ๆ อาจทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น

จากปัจจัยดังกล่าว ราคาทองคำในวันที่ 21 มีนาคม 2568 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำมากขึ้น
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม

1. แนวโน้มราคา (Trend Analysis)
- กราฟแสดงให้เห็นว่าราคาทองคำอยู่ในช่วงขาขึ้นมาก่อน แต่ล่าสุดมีแรงขายเข้ามาอย่างหนัก ทำให้ราคาปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว
- แท่งเทียนล่าสุดเป็นแท่งแดงยาว บ่งบอกถึงแรงขายที่รุนแรง ซึ่งอาจส่งสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม
2. ระดับแนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance)
- แนวรับ (Support) บริเวณ 3,025 – 3,020 หากราคาลงมาถึงจุดนี้แล้วมีแรงซื้อกลับ อาจเป็นจุดรีบาวด์
- แนวต้าน (Resistance) บริเวณ 3,045 – 3,050 ซึ่งเป็นจุดที่ราคาปรับตัวขึ้นไปแล้วถูกขายกลับลงมา
3. อินดิเคเตอร์ทางเทคนิค
- MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- เส้น MACD (สีน้ำเงิน) ตัดเส้น Signal (สีส้ม) ลงมา และ Histogram อยู่ในแดนลบ แสดงสัญญาณขาลง
- บ่งบอกว่าโมเมนตัมฝั่งขาลงยังแข็งแกร่ง
- Volume (ปริมาณการซื้อขาย)
- มีปริมาณการขายที่สูงขึ้น แสดงถึงแรงขายที่ชัดเจน
4. สรุปแนวโน้ม
- ราคาทองคำกำลังเผชิญกับแรงขายและมีโอกาสปรับฐานลงต่อ
- หากหลุดแนวรับที่ 3,025 – 3,020 อาจลงต่อไปที่บริเวณ 3,010 – 3,000
- แต่ถ้ามีแรงซื้อกลับเข้ามาในโซนแนวรับ อาจมีโอกาสรีบาวด์สั้นๆ
5. กลยุทธ์การเทรด
- ฝั่งซื้อ (Long Position) รอดูปฏิกิริยาที่แนวรับ 3,025 – 3,020 หากเกิดแท่งเทียนกลับตัว (เช่น Hammer, Doji) อาจเข้าซื้อเพื่อเล่นรีบาวด์
- ฝั่งขาย (Short Position) หากราคาหลุด 3,025 อาจพิจารณาขายเพื่อเก็งกำไรขาลง โดยตั้งเป้าแนวรับถัดไปที่ 3,010 – 3,000