ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาดังนี้

1. มาตรการภาษีการค้าของสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศมาตรการภาษีการค้ารอบใหม่ ซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน 2568 มาตรการดังกล่าวสร้างความกังวลต่อตลาดการค้าโลก ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
2. ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางและนักลงทุน
ธนาคารกลางหลายแห่งได้เพิ่มการถือครองทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศ นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีการลงทุนในกองทุน ETF ที่เกี่ยวข้องกับทองคำมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. การคาดการณ์ของสถาบันการเงิน
สถาบันการเงินชั้นนำ เช่น Bank of America ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ราคาทองคำสำหรับปี 2568 และ 2569 โดยคาดว่าราคาทองคำจะอยู่ที่ 3,063 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ในปี 2568 และ 3,350 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ในปี 2569 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้
4. ราคาทองคำในประเทศไทย
ในประเทศไทย ราคาทองคำได้ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก โดยเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 50,500 บาทต่อบาททองคำ และทองรูปพรรณขายออกที่ 51,300 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

จากปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่กล่าวมาข้างต้น คาดว่าราคาทองคำในวันที่ 2 เมษายน 2568 จะยังคงมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากตลาดทองคำอาจมีความผันผวนสูงจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระดับสากล
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม

ภาพรวม
- แนวโน้ม ราคาทองคำในช่วงที่แสดงในกราฟนี้ มีลักษณะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways หลังจากที่มีการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงแรก
- ความผันผวน มีความผันผวนพอสมควร สังเกตได้จากแท่งเทียนที่มีขนาดใหญ่ และการแกว่งตัวของราคาที่ค่อนข้างกว้าง
- ปริมาณการซื้อขาย ปริมาณการซื้อขาย (Volume) มีความผันผวนเช่นกัน ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนในตลาด
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
- แท่งเทียน (Candlesticks)
- แท่งเทียนสีเขียวบ่งบอกถึงแรงซื้อที่มากกว่าแรงขาย ทำให้ราคาสูงขึ้น
- แท่งเทียนสีแดงบ่งบอกถึงแรงขายที่มากกว่าแรงซื้อ ทำให้ราคาลดลง
- การปรากฏของแท่งเทียนที่มีไส้เทียนยาวบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนในตลาด
- แนวรับและแนวต้าน
- จากกราฟสามารถมองเห็นแนวรับอยู่ที่บริเวณ 3,120.000 และแนวต้านอยู่ที่บริเวณ 3,145.000
- การที่ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบนี้ บ่งบอกถึงความไม่แน่ทิศทางของตลาด
- MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- เส้น MACD อยู่ใกล้กับเส้น Signal Line ซึ่งบ่งบอกถึงความไม่แน่นอนของแนวโน้ม
- การที่ค่า MACD มีค่าเป็นลบ แสดงให้เห็นถึงแรงขายที่ยังคงมีอยู่
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
- ปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่มีการปรับตัวขึ้น บ่งบอกถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง
- ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงในช่วงที่มีการปรับตัวลง บ่งบอกถึงแรงขายที่ไม่แข็งแกร่ง
สรุปแนวโน้มราคาทองคำในวันที่ 2 เมษายน 2568
- ราคาทองคำในขณะนี้อยู่ในช่วงของการพักตัวหลังจากที่ปรับตัวขึ้นมา
- ต้องจับตามองการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิดว่าราคาจะสามารถทะลุแนวต้าน 3,145.000 ขึ้นไปได้หรือไม่ หรือจะปรับตัวลงมาทดสอบแนวรับ 3,120.000
- ควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ประกอบการตัดสินใจลงทุน เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจโลก, อัตราดอกเบี้ย, และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
- คำแนะนำ: เนื่องจากตลาดมีความผันผวน จึงควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุน และกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) เพื่อป้องกันความเสี่ยง