ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำในวันที่ 5 มกราคม 2568 มีแนวโน้มได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์หลายประการ ดังนี้
ปัจจัยทางเศรษฐกิจ
- นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2567 ต่อเนื่องถึงปี 2568 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การลดอัตราดอกเบี้ยนี้ทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำลดลง ส่งผลให้นักลงทุนมีแนวโน้มถือครองทองคำมากขึ้น
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ราคาทองคำในสกุลเงินอื่นถูกลง ส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจดันราคาทองคำให้สูงขึ้น
- อัตราเงินเฟ้อ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศจะเริ่มลดลง แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้ ซึ่งทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นิยมถือครองในสถานการณ์เช่นนี้
ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
- ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังคงดำเนินอยู่ ทำให้นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
- สงครามรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง
- การสะสมทองคำของธนาคารกลาง ประเทศต่าง ๆ เช่น จีนและรัสเซีย มีการสะสมทองคำในทุนสำรองเพิ่มขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการถือครองสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการกระทำนี้ส่งผลให้ความต้องการทองคำในตลาดโลกเพิ่มขึ้น
จากปัจจัยข้างต้น ราคาทองคำในวันที่ 5 มกราคม 2568 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจและการเมืองโลกยังคงมีความไม่แน่นอน
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
1. แนวโน้มราคา (Trend)
- ราคาทองคำในกราฟแสดงแนวโน้มการปรับตัวลง (Downtrend) ในระยะสั้น เนื่องจากกราฟราคามีการทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) และจุดสูงสุดใหม่ (Lower High)
- เส้นค่าเฉลี่ย MACD แสดงแนวโน้มการลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเส้น MACD อยู่ต่ำกว่าเส้น Signal และค่าฮิสโตแกรมเป็นลบ
2. ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators)
- MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- เส้น MACD (-0.229) ต่ำกว่าเส้น Signal (-4.063) และยังมีค่าฮิสโตแกรมในแดนลบ ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันขาย (Bearish Momentum)
- Volume
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ลดลงในช่วงเวลาล่าสุด แสดงให้เห็นว่าความสนใจของนักลงทุนในช่วงการลดราคานี้อาจเริ่มลดลง
- ระดับแนวรับ-แนวต้าน (Support and Resistance)
- แนวรับสำคัญอยู่ที่บริเวณ $2,636 หากราคาหลุดต่ำกว่านี้ อาจมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ $2,625
- แนวต้านสำคัญอยู่ที่บริเวณ $2,645 หากราคาสามารถทะลุขึ้นไปได้ มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $2,655
3. โครงสร้างของแท่งเทียน (Candlestick Patterns)
- ในช่วงท้ายของกราฟ แท่งเทียนเริ่มแสดงสัญญาณการชะลอการลดลง (Doji หรือ Small Body Candle) ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความลังเลของตลาดหรือโอกาสในการกลับตัวในระยะสั้น
4. ข้อสังเกตเพิ่มเติม
- หากราคาสามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ $2,645 ได้ อาจเป็นสัญญาณการกลับตัวในระยะสั้น
- อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดต่ำกว่า $2,636 ควรจับตาดูแรงขายที่อาจเพิ่มขึ้น
ข้อสรุปทางด้านเทคนิค
- ในระยะสั้น ราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาลง โดยแนวรับสำคัญคือ $2,636 และแนวต้านสำคัญคือ $2,645
- นักลงทุนควรพิจารณาระดับแนวรับ-แนวต้านเหล่านี้ในการตัดสินใจซื้อขาย และติดตามปริมาณการซื้อขาย (Volume) รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในเส้น MACD เพื่อประเมินแนวโน้มในอนาคต