ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
การวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลต่อราคาทองคำในปัจจุบัน และเป็นแนวโน้มราคาในวันที่ 28 มกราคม 2568 มีดังนี้
ปัจจัยทางเศรษฐกิจ
- อัตราดอกเบี้ย สภาทองคำโลก (World Gold Council) ระบุว่าอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนความต้องการทองคำทั่วโลกในปี 2568
- นโยบายการเงินของกลุ่ม BRICS การสะสมทองคำของธนาคารกลางในกลุ่มประเทศ BRICS และนโยบายการเงินของกลุ่มนี้เป็นปัจจัยที่สนับสนุนราคาทองคำ
ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์
- ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง สถานการณ์ความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำมากขึ้น เนื่องจากทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอน
- สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงเป็นปัจจัยที่เพิ่มความไม่แน่นอนในตลาดโลก และส่งผลให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นทองคำ
ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น อัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงินของกลุ่ม BRICS รวมถึงปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความตึงเครียดในตะวันออกกลางและสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำในปัจจุบัน นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
1. แนวโน้มราคา (Trend)
- กราฟ Timeframe 30 นาที แสดงถึงการฟื้นตัวของราคา หลังจากปรับฐานลงในช่วงก่อนหน้า
- ราคามีการปรับตัวขึ้นจากระดับแนวรับที่ประมาณ 2,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขณะนี้อยู่ในช่วงการพยายามยืนเหนือแนวต้านบริเวณ 2,767-2,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์
2. ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค (Technical Indicators)
MACD (Moving Average Convergence Divergence)
- เส้น MACD ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal ซึ่งเป็นสัญญาณของการกลับตัวขึ้น
- Histogram ของ MACD เปลี่ยนเป็นบวก และมีขนาดที่เพิ่มขึ้น บ่งบอกถึงโมเมนตัมเชิงบวก
Volume
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้น แสดงว่ามีแรงซื้อสนับสนุนการฟื้นตัว
3. แนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance)
- แนวรับ 2,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เป็นจุดต่ำสุดของการปรับฐานในช่วงนี้)
- แนวต้าน 2,770 – 2,775 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เป็นระดับที่ราคาต้องยืนเหนือให้ได้เพื่อยืนยันแนวโน้มขาขึ้น)
4. สรุปและคำแนะนำการลงทุน
- ราคาทองคำในกราฟนี้แสดงสัญญาณเชิงบวกจากการฟื้นตัว และมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อหากสามารถทะลุแนวต้านที่ 2,770-2,775 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
- ในระยะสั้น นักลงทุนสามารถจับตาการยืนเหนือระดับ 2,770 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาหลุดลงต่ำกว่าแนวนี้ อาจเป็นสัญญาณการปรับฐานอีกครั้ง
- กลยุทธ์ที่แนะนำ
- หากราคาอยู่เหนือ 2,770 ดอลลาร์: อาจพิจารณาเข้าสถานะซื้อ (Long Position) โดยตั้งเป้าหมายที่แนวต้านถัดไป
- หากราคาหลุดต่ำกว่า 2,750 ดอลลาร์: ควรระวังแรงขายที่อาจเกิดขึ้น และรอจังหวะซื้อใหม่ที่แนวรับล่าง
