แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567

ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

ราคาทองคำในวันพรุ่งนี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในระดับสูงต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานหลายประการที่กระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567
  1. ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนและความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาทองคำ ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงให้ความสนใจทองคำในฐานะสินทรัพย์หลบภัยในภาวะตลาดหุ้นผันผวน
  2. ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อ่อนแอ ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ แสดงการลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุนคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นผลดีต่อราคาทองคำเนื่องจากต้นทุนการถือครองลดลง
  3. ความเคลื่อนไหวของกองทุน SPDR Gold Trust การซื้อทองคำเพิ่มขึ้นอีก 0.58 ตันในวันที่ 20 พฤศจิกายน สะท้อนถึงความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งช่วยหนุนราคาทองคำในระยะสั้น
  4. ค่าเงินดอลลาร์และอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์เริ่มมีแนวโน้มอ่อนค่าหลังจากตลาดประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2025 ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดดอกเบี้ย
แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567

จากปัจจัยเหล่านี้ ราคาทองคำมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อในระยะสั้น โดยผู้ที่ลงทุนหรือเทรดทองคำควรจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมและการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด

แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567

1. แนวโน้มราคา (Price Trend)

  • กราฟราคาทองคำยังอยู่ในช่วงของการพักตัวหลังจากที่ปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ โดยราคาเคลื่อนตัวในกรอบระหว่าง 2,620–2,640 USD
  • จุดแนวต้านสำคัญ อยู่ที่ระดับ 2,640 USD ซึ่งหากราคาสามารถทะลุผ่านได้ อาจเห็นการปรับตัวขึ้นต่อไป
  • จุดแนวรับสำคัญ อยู่ที่ 2,620 USD ซึ่งหากหลุดระดับนี้ อาจมีแรงขายเข้ามาเพิ่ม

2. MACD (Moving Average Convergence Divergence)

  • ตัวชี้วัด MACD อยู่ในโซนลบ (-2.594) และเส้นสัญญาณ (Signal Line) ยังคงต่ำกว่าเส้น MACD ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มของแรงขายที่ยังมีอยู่ในตลาด
  • หากเส้น MACD สามารถกลับขึ้นเหนือ Signal Line ได้ อาจบ่งชี้ถึงโอกาสการกลับตัวเป็นขาขึ้น

3. ปริมาณการซื้อขาย (Volume)

  • ปริมาณการซื้อขายลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงที่มีการปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ สะท้อนว่าความเชื่อมั่นของตลาดยังไม่ชัดเจน
  • หากปริมาณเพิ่มขึ้นพร้อมราคาทะลุแนวต้าน อาจยืนยันการเคลื่อนไหวในทิศทางขาขึ้น

4. แนวโน้มระยะสั้น

  • ราคาทองคำมีแนวโน้มเคลื่อนตัวในกรอบแคบ (Sideways) หากไม่มีปัจจัยพื้นฐานใหม่มาหนุน
  • การเคลื่อนไหวของราคาน่าจะตอบสนองต่อข่าวเศรษฐกิจ เช่น รายงานอัตราเงินเฟ้อ หรือแนวโน้มดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ

สรุปการวิเคราะห์

  • หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับที่ 2,620 USD และทะลุแนวต้าน 2,640 USD ได้ แนวโน้มในวันพรุ่งนี้อาจกลับมาเป็นขาขึ้น
  • ในทางกลับกัน หากราคาหลุดแนวรับ อาจเห็นการปรับฐานลงไปยังระดับ 2,600 USD หรือระดับต่ำกว่า

ควรติดตามข่าวเศรษฐกิจหรือการประกาศตัวเลขสำคัญ เช่น รายงานดัชนีเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งอาจมีผลต่อราคาทองคำในช่วงนี้