ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นหรือปรับตัวลงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่กำลังส่งผลกระทบต่อตลาดในขณะนี้ โดยมีปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา ได้แก่
- อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
หาก Fed ยังคงรักษาหรือเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อสูง มีแนวโน้มที่จะกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลง เนื่องจากทองคำไม่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนอาจเบนความสนใจไปยังสินทรัพย์อื่นที่มีผลตอบแทนสูงกว่า อย่างไรก็ตาม หาก Fed ส่งสัญญาณว่าจะผ่อนคลายนโยบายการเงิน ราคาทองคำอาจได้รับแรงหนุนและมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ - เศรษฐกิจจีน
จีนเป็นประเทศที่มีความต้องการทองคำเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวจากการล็อกดาวน์หรือปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงมีผลกระทบ จะส่งผลให้การซื้อทองคำในประเทศนี้ลดลง ทำให้ราคาทองคำอาจมีแรงกดดันเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากจีนมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อาจส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน - ความต้องการทองคำในตลาดโลก
ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe-Haven) ซึ่งในภาวะที่เศรษฐกิจโลกเผชิญความไม่แน่นอน การลงทุนในทองคำจะเพิ่มขึ้น หากยังคงมีความเสี่ยงที่ไม่แน่นอนจากสงครามหรือสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ความต้องการทองคำก็อาจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง - ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ หากดอลลาร์อ่อนค่า ราคาทองคำจะมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากทองคำที่ถูกตีราคาด้วยดอลลาร์จะมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น ในทางตรงกันข้าม หากดอลลาร์แข็งค่า ราคาทองคำอาจปรับตัวลงได้
ในภาพรวม คาดว่าปัจจัยข้างต้นจะทำให้ราคาทองคำในวันพรุ่งนี้มีความผันผวนสูง หากนักลงทุนรับข้อมูลที่ชัดเจนจาก Fed หรือจีน อาจมีผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างชัดเจนมากขึ้นยิ่งช่วงนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าทำให้ราคาทองมีโอกาสปรับตัวลง
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
- แนวโน้มของราคา กราฟแสดงแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน ซึ่งอาจเป็นผลจากแรงขายที่ต่อเนื่องในตลาดทองคำ ส่งผลให้ราคาลดลงอย่างต่อเนื่องจากระดับสูงไปยังระดับต่ำ โดยระดับราคา ณ ปัจจุบันอยู่ประมาณ 2,545.705 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- สัญญาณ MACD เส้น MACD (สีฟ้า) อยู่ต่ำกว่าเส้นสัญญาณ (สีส้ม) มาตั้งแต่ช่วงวันที่ 12 โดยค่า MACD ล่าสุดอยู่ที่ -8.016 ซึ่งเป็นสัญญาณของการอ่อนตัว นอกจากนี้ Histogram ยังเป็นค่าลบซึ่งแสดงถึงแรงขายที่มากกว่าแรงซื้อ
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ปริมาณการซื้อขายที่ปรากฏในกราฟมีความแปรปรวนสูง โดยมีการเพิ่มขึ้นในช่วงที่ราคาลดลง แสดงถึงการเทขายที่แข็งแกร่งจากนักลงทุน ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองคำยังมีแนวโน้มปรับตัวลง
- แนวรับและแนวต้าน แนวรับใกล้เคียงที่อาจทำให้ราคาชะลอการลงในระยะสั้นอยู่ที่ประมาณ 2,520-2,530 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่บริเวณ 2,560-2,570 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สรุปแนวโน้มสำหรับวันพรุ่งนี้
แนวโน้มราคาทองคำยังคงมีแนวโน้มอ่อนตัวลง หากยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่งในการดึงราคากลับขึ้นไปได้ อาจแนะนำให้จับตาดูแนวรับบริเวณ 2,520 ดอลลาร์ หากหลุดระดับนี้ อาจเห็นการปรับตัวลงต่อ ขณะที่การฟื้นตัวอาจมีแรงขายกดดันบริเวณแนวต้านที่กล่าวไว้