ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำในช่วงนี้ยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลในเชิงบวก ดังนี้
- ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
สงครามในตะวันออกกลาง เช่น อิสราเอล-ฮามาส ส่งผลให้ทองคำได้รับความนิยมในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) โดยนักลงทุนเลือกถือครองทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองในระดับโลก - แนวโน้มดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าอาจชะลอการลดดอกเบี้ยในระยะยาว แต่คงไว้ซึ่งอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยหนุนราคาทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงจากการปรับนโยบายการเงิน - ความต้องการจากธนาคารกลางทั่วโลก
ธนาคารกลางในหลายประเทศมีการเพิ่มปริมาณการสำรองทองคำ โดยล่าสุด สภาทองคำโลกพบว่า 24% ของธนาคารกลางมีแผนซื้อทองคำเพิ่มในอีก 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งถือเป็นปัจจัยสนับสนุนระยะยาวต่อราคาทองคำ - เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ตลาดที่อยู่อาศัยและภาคการผลิตในสหรัฐฯ ยังคงอ่อนแอ ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกและกระตุ้นการลงทุนในทองคำ
จากปัจจัยข้างต้น ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะคงความแข็งแกร่งและอาจปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรติดตามข่าวสารและการประกาศนโยบายเศรษฐกิจจากธนาคารกลางอย่างใกล้ชิด
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
- การเคลื่อนไหวของราคา (Price Movement)
- ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลงในช่วงหลัง เนื่องจากเกิดรูปแบบ Lower High (จุดสูงสุดต่ำลง) และ Lower Low (จุดต่ำสุดต่ำลง) ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลงในระยะสั้น
- อย่างไรก็ตาม ราคาปัจจุบันใกล้กับบริเวณแนวรับที่ประมาณ 2,648-2,650 ซึ่งเป็นจุดที่อาจเกิดการดีดกลับชั่วคราวหากมีแรงซื้อเข้ามา
- MACD Indicator
- เส้น MACD (สีฟ้า) อยู่ต่ำกว่าเส้น Signal Line (สีส้ม) และยังอยู่ในแดนลบ (Negative Zone) แสดงถึงแรงกดดันขาลงยังคงอยู่
- แท่ง Histogram สั้นลงเล็กน้อย ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการชะลอตัวของแรงขาย แต่ยังไม่แน่นอนว่าจะเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้นในเร็ว ๆ นี้
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
- ปริมาณการซื้อขายในช่วงราคาลดลงไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แสดงว่าแรงขายยังไม่ได้รุนแรงมาก ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้เกิดการดีดกลับเล็กน้อยหากมีข่าวดีหรือปัจจัยสนับสนุน
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้ 1 ธันวาคม 2024 จากกราฟเทคนิค
- ราคาทองคำอาจ แกว่งตัวในกรอบ โดยแนวรับสำคัญอยู่ที่ 2,648-2,650 และแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 2,656-2,660
- หากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวรับได้ อาจเกิดการปรับตัวลงต่อไปทดสอบระดับต่ำกว่า 2,640
- หากเกิดแรงซื้อที่แนวรับ อาจดันราคากลับไปทดสอบแนวต้านเดิมที่บริเวณ 2,660 หรือสูงกว่า
ปัจจัยพื้นฐานที่ควรจับตา
- การเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐ (USD) และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
- สถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ และจีน
- ข่าวเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
ในวันพรุ่งนี้ ราคาทองคำอาจแกว่งตัวในกรอบแคบโดยมีโอกาสเกิดการดีดตัว หากมีแรงซื้อบริเวณแนวรับสำคัญ แต่ต้องจับตาข่าวและปัจจัยพื้นฐานเพิ่มเติม
