ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำในวันที่ 6 ธันวาคม 2024 มีแนวโน้มขับเคลื่อนจากปัจจัยพื้นฐานหลายด้านที่ส่งผลต่อการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยนี้
- นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
ความคาดหวังที่ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปในช่วงสิ้นปี 2024 ยังคงส่งผลบวกต่อราคาทองคำในระยะสั้น เนื่องจากการลดดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนการถือครองทองคำ และลดค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ - สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์
ความไม่แน่นอนจากสถานการณ์สงคราม เช่น ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ทองคำมีบทบาทเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างเด่นชัดในตลาดโลก - ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลก
ข้อมูลจากสภาทองคำโลกชี้ว่า 24% ของธนาคารกลางมีแผนเพิ่มปริมาณทองคำสำรองในปีหน้า ซึ่งแสดงถึงความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์สำรองของประเทศต่าง ๆ ที่ยังคงแข็งแกร่ง - การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดทองคำ
แนวรับสำคัญของราคาทองคำอยู่ที่ $2,645-$2,620 ต่อออนซ์ หากราคาทองคำในระยะสั้นสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ มีโอกาสที่ราคาจะปรับขึ้นต่อไปที่ $2,670-$2,685 ต่อออนซ์ ทั้งนี้ ข้อมูลจากเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคยังชี้แนวโน้มเชิงบวก
ปัจจัยพื้นฐานทั้งเรื่องนโยบายการเงิน ความต้องการจากธนาคารกลาง และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์สนับสนุนแนวโน้มราคาทองคำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นในวันที่ 6 ธันวาคม 2024 โดยอาจมีการแกว่งตัวระหว่าง $2,645-$2,685 ต่อออนซ์ หากไม่มีข่าวลบเพิ่มเติมในตลาดโลก
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
- รูปแบบราคา (Price Action)
- ราคาทองคำเคลื่อนไหวในช่วงแคบ (Consolidation) ระหว่างระดับ $2,644 ถึง $2,652 โดยยังไม่มีการทะลุแนวต้านสำคัญที่ $2,652 อย่างชัดเจน
- หากราคายังคงอยู่ในกรอบนี้ อาจเกิดการสะสมพลังเพื่อ Breakout ออกไปทั้งขาขึ้นหรือขาลง
- อินดิเคเตอร์ MACD
- เส้น MACD และ Signal อยู่ใกล้ระดับศูนย์ โดยแสดงถึงสัญญาณที่ยังไม่ชัดเจนของทิศทาง (Neutral Momentum)
- Histogram แสดงความแตกต่างเล็กน้อย ซึ่งบ่งบอกว่าแรงซื้อและแรงขายยังใกล้เคียงกัน
- ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
- ปริมาณการซื้อขายลดลงในช่วงท้ายของกราฟ ซึ่งอาจสะท้อนถึงการชะลอตัวของนักลงทุนในการเข้าซื้อขาย หรือการรอคอยข่าวสารสำคัญ
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้ (6 ธันวาคม 2024)
- หากราคาทองคำสามารถทะลุระดับ $2,652 พร้อมปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้น อาจเกิดแรงซื้อ (Bullish Momentum) ที่ดันราคาไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $2,660
- หากราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ $2,644 และมีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น อาจเกิดแรงขาย (Bearish Momentum) และดันราคาไปยังระดับ $2,630
- ตลาดอาจยังคงเคลื่อนไหวแบบ Sideway หากไม่มีข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ตัวเลข NFP หรือรายงานการประชุม Fed
คำแนะนำ
ควรติดตามข่าวสารปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ และพิจารณาจุดตัดสินใจ (Key Levels) ในกราฟเพื่อวางกลยุทธ์ลงทุนอย่างเหมาะสม.