ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำในวันพรุ่งนี้มีแนวโน้มถูกกำหนดโดยปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในช่วงนี้ ได้แก่
- การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)
ค่าเงินดอลลาร์มีบทบาทสำคัญต่อราคาทองคำ เนื่องจากทองคำซื้อขายในรูปดอลลาร์ หากดอลลาร์อ่อนค่า จะช่วยดันราคาทองให้สูงขึ้น ล่าสุดดัชนีดอลลาร์แสดงแนวโน้มอ่อนตัวจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะสั้น - เงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อัตราเงินเฟ้อในประเทศสำคัญยังคงสูง ทำให้นักลงทุนหันมาถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากธนาคารกลางยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม อาจเป็นแรงกดดันต่อราคาทองคำ เพราะดอกเบี้ยสูงทำให้การถือสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทน เช่น ทองคำ มีความน่าสนใจลดลง - ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก
สถานการณ์ความไม่แน่นอน เช่น ความขัดแย้งในตะวันออกกลางและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ยังคงเป็นตัวเร่งราคาทองคำให้ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยในช่วงวิกฤต - ความต้องการทองคำจากประเทศเศรษฐกิจใหญ่
ประเทศจีนและอินเดียเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ และข้อมูลล่าสุดระบุว่าความต้องการในช่วงปลายปีเพิ่มสูงขึ้นในสองประเทศนี้ ซึ่งอาจช่วยสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นของราคาทอง
ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นในวันพรุ่งนี้ หากค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าต่อไปและตลาดยังคงรับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรจับตาดูผลประกอบการจากภาคธุรกิจใหญ่และความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางอย่างใกล้ชิด
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
- แนวโน้มล่าสุด
ราคาทองคำล่าสุดปรับฐานลงก่อนจะมีสัญญาณฟื้นตัวกลับขึ้นมาเล็กน้อยในช่วงท้ายของกราฟ โดย MACD (Moving Average Convergence Divergence) เริ่มแสดงสัญญาณตัดเส้นขึ้น (Bullish Crossover) ซึ่งบ่งบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น - แนวรับและแนวต้าน
- แนวรับสำคัญ บริเวณใกล้ $2,610-2,620 ซึ่งเป็นจุดที่เคยมีการดีดตัวขึ้นในอดีต
- แนวต้านสำคัญ บริเวณ $2,650-2,670 ซึ่งมีแรงขายจำนวนมากในรอบที่ผ่านมา
- Volume
ปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพิ่มขึ้นในช่วงฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด แสดงถึงแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นและมีโอกาสผลักดันราคาในทิศทางขาขึ้น - MACD และ Histogram
Histogram มีการเพิ่มระดับเข้าสู่แดนบวก และเส้น MACD กำลังเคลื่อนที่ใกล้เส้นศูนย์ ซึ่งหากทะลุขึ้น จะยืนยันการกลับตัวเป็นขาขึ้นชัดเจนขึ้น - เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average)
ราคาปัจจุบันเคลื่อนที่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น (20-period EMA) แต่ยังคงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลาง (50-period EMA) ซึ่งบ่งบอกว่าการกลับตัวเป็นขาขึ้นอาจต้องรอการยืนยันเพิ่มเติม
แนวโน้มสำหรับวันพรุ่งนี้ 27 พฤศจิกายน 2024
- ปัจจัยหนุนการขึ้นราคา หากยังมีแรงซื้อที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและราคาสามารถทะลุแนวต้าน $2,650 ได้สำเร็จ ราคามีโอกาสขึ้นไปทดสอบบริเวณ $2,670-$2,680
- ปัจจัยกดดันราคา หากราคาหลุดแนวรับ $2,610 มีความเสี่ยงที่จะปรับฐานลงสู่บริเวณ $2,590-$2,600 ซึ่งเป็นแนวรับถัดไป