แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567

ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

ราคาทองคำในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2024 มีแนวโน้มปรับตัวอยู่ในทิศทางที่ไม่แน่นอน โดยได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยพื้นฐานที่ควรพิจารณา ได้แก่

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567
  1. การปรับฐานของราคาทองคำ จากข้อมูลล่าสุด ราคาทองคำสากลปรับตัวลดลงหลังก่อนหน้านี้ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All-time high) ที่ 2,790 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ โดยลดลงมาต่ำกว่า 2,740 ดอลลาร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับฐานตามปกติของตลาดทองคำหลังการขึ้นราคาแรงในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ราคาทองคำในไทยมีแนวโน้มหลุดระดับ 44,000 บาท
  2. แรงกดดันจากสัญญาณขาย สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ปัจจุบันเริ่มเห็นสัญญาณขายในตลาดทองคำ จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้ขายทำกำไรในช่วงที่มีแนวต้านสำคัญที่ 2,760 และ 2,775 ดอลลาร์ และคาดว่าแนวรับที่สำคัญจะอยู่ที่ระดับ 2,730 และ 2,725 ดอลลาร์
  3. ของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ การที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐยังคงมีความระมัดระวังต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีผลทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกมีแรงกดดันเพิ่มเติม นักลงทุนส่วนหนึ่งอาจมองเห็นความไม่แน่นอนจากอัตราเงินเฟ้อและทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต ซึ่งจะมีผลต่อความผันผวนของราคาทองคำในระยะสั้นถึงปานกลาง
แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567

สรุปได้ว่า ปัราคาทองคำในวันพรุ่งนี้ ได้แก่ การปรับฐานของราคาทองคำ การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ และสัญญาณขายในตลาด นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้จับตาดูแนวต้านและแนวรับสำคัญ หากสามารถยืนเหนือระดับแนวต้านได้ อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แต่หากหลุดแนวรับสำคัญอาจเห็นการปรับฐานลงอีกครั้งในระยะสั้น

แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 2 พฤศจิกายน 2567
  1. แนวโน้มราคาโดยรวม กราฟแท่งเทียนแสดงให้เห็นว่าราคาทองคำในช่วงปลายวันมีการปรับฐานเล็กน้อย โดยราคาปิดที่ระดับใกล้เคียงกับราคาเปิด แสดงถึงความไม่แน่นอนของผู้ซื้อและผู้ขาย ซึ่งอาจสะท้อนถึงการพักตัวของตลาดในระยะสั้น
  2. สัญญาณ MACD เส้น MACD และ Signal Line ในกราฟด้านล่างกำลังเคลื่อนที่เข้าใกล้กัน และ histogram ใกล้จะตัดขึ้นมาในโซนบวก ซึ่งอาจบ่งบอกถึงแนวโน้มการกลับตัว (Reversal) ของราคา หากเส้น MACD ตัดขึ้นเหนือ Signal Line จะเป็นสัญญาณการซื้อ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นในวันถัดไป
  3. ปริมาณการซื้อขาย ในกราฟนี้ยังแสดงปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงการปรับตัวลงของราคา ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความพยายามของนักลงทุนในการปกป้องแนวรับที่สำคัญ หากในวันถัดไปปริมาณการซื้อขายลดลง อาจสะท้อนถึงแรงขายที่อ่อนลง และมีโอกาสที่ราคาจะดีดตัวกลับได้
  4. แนวรับและแนวต้าน แนวรับสำคัญของราคาทองคำในกราฟนี้อยู่ที่ประมาณ 2,740 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากแนวรับนี้ยังคงอยู่ ราคามีโอกาสที่จะดีดตัวขึ้น ในขณะเดียวกัน แนวต้านสำคัญที่ต้องติดตามคือบริเวณ 2,760 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาสามารถทะลุผ่านแนวต้านนี้ไปได้ มีโอกาสที่ราคาจะขึ้นต่อเนื่อง

สรุปแนวโน้มวันถัดไป

หาก MACD มีการตัดขึ้น และราคาสามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญได้ คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจมีการฟื้นตัวในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตามควรระวังความผันผวนเนื่องจากตลาดอาจตอบสนองต่อข่าวสารทางเศรษฐกิจอื่นๆ