แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 4 เมษายน 2568

ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 4 เมษายน 2568
  1. การประกาศภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
    • เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรใหม่ โดยกำหนดภาษีขั้นต่ำ 10% สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมด และเพิ่มภาษี “ตอบโต้” สูงสุดถึง 50% สำหรับบางประเทศ เช่น จีน (34%), สหภาพยุโรป (20%), และญี่ปุ่น (24%)
    • การดำเนินการดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าและผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
  2. การตอบสนองของตลาดการเงิน
    • ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างมาก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ และความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
    • ในทางกลับกัน ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสัญญาทองคำล่วงหน้าเดือนเมษายนปิดที่ $3,139.90 ต่อทรอยออนซ์ เพิ่มขึ้น 19% ตั้งแต่ต้นปี 2025
  3. การคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
    • ธนาคาร Goldman Sachs ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ราคาทองคำสิ้นปี 2025 จาก $3,100 เป็น $3,300 ต่อทรอยออนซ์ เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้นจากกองทุน ETF และธนาคารกลาง
    • นักวิเคราะห์จาก Bank of America ได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำเป็น $3,400 ต่อทรอยออนซ์ สะท้อนถึงแนวโน้มการสะสมทองคำของธนาคารกลางและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 4 เมษายน 2568

ปัจจัยพื้นฐานในปัจจุบัน เช่น การประกาศภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำมากขึ้น ทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในวันที่ 4 เมษายน 2025 อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและปัจจัยต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากตลาดทองคำอาจมีความผันผวนสูง

แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 4 เมษายน 2568
  1. รูปแบบแท่งเทียนล่าสุด
    • กราฟแท่งเทียนล่าสุดแสดงถึงการฟื้นตัวเล็กน้อยหลังจากการร่วงลงแรง
    • มีแรงซื้อกลับเข้ามาหลังจากราคาทองคำปรับตัวลงต่ำสุดแถว 3,080 – 3,090 ดอลลาร์
    • หากแท่งเทียนในช่วงถัดไปเป็นแท่งเขียวและสามารถทะลุระดับ 3,100 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ อาจมีโอกาสกลับตัวขึ้นระยะสั้น
  2. แนวรับและแนวต้านสำคัญ
    • แนวรับ 3,080 – 3,090 ดอลลาร์ (บริเวณที่มีแรงซื้อกลับเข้ามา)
    • แนวต้าน 3,110 – 3,120 ดอลลาร์ (จุดที่ราคาเริ่มร่วงลง)
    • หากราคาสามารถทะลุ 3,120 ดอลลาร์ได้ มีโอกาสขึ้นไปทดสอบ 3,140 – 3,150 ดอลลาร์
  3. MACD (Moving Average Convergence Divergence)
    • เส้น MACD (สีน้ำเงิน) ต่ำกว่าเส้น Signal (สีส้ม) แสดงถึงแนวโน้มขาลง
    • แถบ Histogram อยู่ในโซนลบ และยังไม่แสดงสัญญาณกลับตัวชัดเจน
    • อย่างไรก็ตาม หากเส้น MACD เริ่มโค้งกลับขึ้น อาจเป็นสัญญาณของแรงซื้อที่เพิ่มขึ้น
  4. ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
    • มีแรงขายมากในช่วงราคาลดลง แต่มีแรงซื้อกลับมาพอสมควรในแท่งสุดท้าย
    • หากปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นควบคู่กับแท่งเขียว อาจเป็นสัญญาณบวกสำหรับการฟื้นตัวระยะสั้น

แนวโน้มสำหรับวันพรุ่งนี้ 4 เมษายน 2025

  • แนวโน้มขาลงยังคงเด่นชัด เนื่องจาก MACD และโครงสร้างแท่งเทียนยังไม่กลับตัว
  • หากราคาสามารถยืนเหนือ 3,100 ดอลลาร์ได้ อาจมีโอกาสฟื้นตัวไปทดสอบ 3,120 ดอลลาร์
  • ถ้าหลุดแนวรับ 3,080 ดอลลาร์ อาจลงไปทดสอบระดับ 3,060 – 3,050 ดอลลาร์