ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
ราคาทองคำในวันพรุ่งนี้มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากปัจจัยพื้นฐานหลายด้าน
- ความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐ (USD)
ราคาทองคำมักเคลื่อนไหวสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากทองคำถูกกำหนดราคาในรูปสกุลดอลลาร์ฯ หากดอลลาร์อ่อนค่าลง จะช่วยกระตุ้นการลงทุนในทองคำ อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงจนถึงปีหน้า - นโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
การคงอัตราดอกเบี้ยสูงเพื่อลดเงินเฟ้อยังคงกดดันราคาทองคำในระยะสั้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงทำให้นักลงทุนลดการถือสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน เช่น ทองคำ อย่างไรก็ตาม หากมีสัญญาณการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต อาจกระตุ้นราคาทองคำได้ - อุปสงค์ในตลาดโลก
ความต้องการทองคำจากประเทศผู้บริโภคหลัก เช่น อินเดียและจีน ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ขณะที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัวในปีนี้ส่งผลต่อความต้องการทองคำ แม้ว่าเทศกาลแต่งงานในอินเดียจะช่วยพยุงอุปสงค์ในช่วงปลายปี - ค่าเงินบาทและการลงทุนในไทย
นักลงทุนไทยยังคงนิยมลงทุนในทองคำ โดยราคาทองคำในประเทศได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท หากเงินบาทอ่อนค่าลงในวันพรุ่งนี้ อาจทำให้ราคาทองคำในไทยปรับตัวสูงขึ้นตาม - ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
การเจรจาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศใหญ่ เช่น สหรัฐฯ และจีน รวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในตะวันออกกลาง ยังคงส่งผลต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หากสถานการณ์ดังกล่าวแย่ลง ราคาทองคำอาจปรับเพิ่มขึ้นได้
โดยรวม ราคาทองคำในวันพรุ่งนี้อาจมีความผันผวนจากปัจจัยทั้งในระดับโลกและในประเทศ การติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากตลาดโลกและค่าเงินบาทเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการคาดการณ์แนวโน้มอย่างแม่นยำ
แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม
1. สัญญาณจาก MACD
- เส้น MACD และ Signal Line
เส้น MACD อยู่ใกล้จุดตัดกับ Signal Line และอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย ซึ่งหมายความว่ามีแรงซื้อที่เริ่มลดลง แต่ยังไม่เกิดการกลับตัวที่ชัดเจน - Histogram
Histogram เริ่มหดตัวลงซึ่งบ่งชี้ว่าโมเมนตัมของราคากำลังชะลอตัว และอาจเกิดสัญญาณขายในเร็ว ๆ นี้ หากเส้น MACD ตัดลงด้านล่าง Signal Line
2. แนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance)
- แนวรับที่สำคัญอยู่บริเวณ 2,628-2,630 USD (ตามแท่งเทียนล่าสุด) หากราคาทองคำลงต่ำกว่าระดับนี้อาจมีแรงขายต่อเนื่อง
- แนวต้านอยู่บริเวณ 2,640-2,645 USD ซึ่งต้องจับตาดูว่าราคาสามารถทะลุขึ้นไปได้หรือไม่
3. ปริมาณการซื้อขาย (Volume)
- ปริมาณการซื้อขายที่เริ่มลดลงในช่วงปลายกราฟ บ่งชี้ว่านักลงทุนอาจรอดูปัจจัยเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ หรือท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
4. แนวโน้มราคา (Price Action)
- ราคามีลักษณะ “Sideways” ในช่วง 2,630-2,640 USD โดยไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนสำหรับการทะลุแนวใดแนวหนึ่ง แต่หากมีการเคลื่อนไหวที่ทะลุแนวต้านสำคัญ อาจเกิดการเร่งตัวของราคา
สรุปแนวโน้ม
- คาดการณ์ราคาในวันพรุ่งนี้ (7 ธันวาคม 2024) ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในกรอบแคบที่ 2,630-2,645 USD โดยนักลงทุนอาจรอปัจจัยใหม่ เช่น ข้อมูล Non-Farm Payrolls ของสหรัฐฯ หรือดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) ที่อาจมีผลต่อแนวโน้มในระยะสั้น
- กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน
หากราคาอยู่ในระดับแนวรับ (2,630 USD) อาจเหมาะสำหรับการสะสม แต่หากหลุดแนวรับอาจเป็นสัญญาณขาย