แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 14 ธันวาคม 2567

ปัจจัยทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์

ราคาทองคำในวันพรุ่งนี้น่าจะยังคงเผชิญความผันผวน เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดทองคำ

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 14 ธันวาคม 2567
  1. สถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ
    ดัชนีเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ เนื่องจากเงินเฟ้อที่สูงทำให้นักลงทุนมองหาทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นอกจากนี้ การปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้ทองคำอาจถูกกดดันในระยะสั้น แต่มีโอกาสฟื้นตัวในระยะยาว หากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
  2. อุปสงค์จากประเทศผู้บริโภคทองคำรายใหญ่
    จีนและอินเดียซึ่งเป็นตลาดทองคำสำคัญ ยังคงมีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจีนที่ยังคงเผชิญปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ การลดการบริโภคทองคำในประเทศเหล่านี้จะเป็นตัวถ่วงราคาทองคำในตลาดโลกในระยะสั้น
  3. ค่าเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
    ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ยังคงสูง เป็นปัจจัยกดดันทองคำในช่วงนี้ เนื่องจากนักลงทุนอาจเปลี่ยนมาถือสินทรัพย์อื่นแทน อย่างไรก็ตาม หากมีความกังวลในตลาดการเงิน เช่น ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือความผันผวนในตลาดทุน ทองคำอาจได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 14 ธันวาคม 2567

ราคาทองคำในวันพรุ่งนี้อาจปรับตัวอยู่ในกรอบแนวรับที่ $2,645-$2,630 และแนวต้านที่ $2,705-$2,725 ขึ้นอยู่กับปัจจัยข้างต้น หากตลาดยังคงมีความไม่แน่นอนสูง ราคาทองคำอาจยืนอยู่ในระดับแนวต้าน แต่หากดอลลาร์แข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ทองคำอาจเผชิญแรงกดดัน

แนวโน้มราคาทองคำจากกราฟเทคนิคเพิ่มเติม

แนวโน้มราคาทองคำ ประจำวันที่ 14 ธันวาคม 2567

1. แนวโน้มราคาทองคำ (Trend)

  • กราฟแสดงถึงการปรับตัวลงล่าสุดหลังจากที่ราคาขึ้นไปแตะระดับแนวต้าน (Resistance) ที่สูงกว่า 2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ แล้วไม่สามารถผ่านไปได้
  • การปรับตัวลงของแท่งเทียนในช่วงหลังนี้มีลักษณะ “Lower Highs” และ “Lower Lows” ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มขาลงในระยะสั้น

2. MACD (อินดิเคเตอร์ทางโมเมนตัม)

  • MACD Line (-3.093) ต่ำกว่า Signal Line (-1.670) ชัดเจน และ Histogram ยังคงอยู่ในพื้นที่ลบ ซึ่งบ่งชี้ว่าการขายยังมีแรงกดดันมากกว่า
  • ทิศทางของ MACD ยังคงลดลงต่อเนื่อง โดยไม่มีสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน ณ เวลานี้

3. ปริมาณการซื้อขาย (Volume)

  • ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ในช่วงขาลงเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า แสดงถึงแรงขายที่มีนัยสำคัญ และอาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าราคาอาจปรับลดต่อไป

4. ระดับแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance)

  • แนวรับที่สำคัญ บริเวณ $2,660-$2,650 ดอลลาร์/ออนซ์ เป็นจุดที่ราคาปัจจุบันอยู่ใกล้ อาจมีโอกาสชะลอตัวหรือเด้งกลับ (Rebound) หากมีแรงซื้อเข้ามา
  • แนวต้านที่สำคัญ ระดับ $2,700 ดอลลาร์/ออนซ์ จะยังคงเป็นจุดกดดัน หากราคาเด้งกลับขึ้น

5. บทสรุปแนวโน้ม

  • ในระยะสั้น ราคามีแนวโน้มอ่อนตัวต่อ หากแรงขายยังคงเด่นชัด
  • หากแนวรับ $2,650 ดอลลาร์/ออนซ์ ถูกทะลุลงไป ราคามีโอกาสลงไปทดสอบระดับถัดไปที่ $2,620 ดอลลาร์/ออนซ์
  • อย่างไรก็ตาม หากมีปัจจัยพื้นฐานเข้ามาหนุน เช่น ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า หรืออัตราดอกเบี้ยเฟดมีแนวโน้มชะลอ ราคาทองคำอาจเด้งกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง

หากต้องการความแม่นยำเพิ่มเติม ควรติดตามปัจจัยพื้นฐาน เช่น การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และตัวเลขเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อ (CPI) ซึ่งมีผลต่อราคาทองคำโดยตรง